หลัก 5c ในการพิจารณาเพชร
แหวนเพชรถือเป็นสัญลักษณ์สากลในฐานะตัวแทนของคำมั่นสัญญา และบ่อยครั้งเป็นของขวัญสุดพิเศษสำหรับโอกาสครบรอบวันสำคัญแห่งความรัก ด้วยเหตุนี้เพชรซึ่งเป็นอัญมณีล้ำค่าแทนความหมายนั้นจึงควรผ่านการคัดสรรอย่างปราณีต
บทความนี้จะนำเสนอเกี่ยวกับหลักการเลือกดูเพชร เช่นเดียวกับที่เหล่าช่างทำเครื่องประดับ (และร้านค้าอัญมณี) ใช้ นั่นคือหลักการ 5c ซึ่งประกอบด้วย สี (Color) การเจียระไน (Cut) ความสะอาด (Clarity) น้ำหนักกะรัด (Carat) และ ใบรับประกันคุณภาพ (Certificate) เพื่อให้มั่นใจว่าได้พิจารณาคุณสมบัติสำคัญของเพชรที่ต้องการอย่างรอบด้าน
หลักการโดยสังเขปต่อไปนี้จะช่วยให้คุณผู้อ่านมีความเข้าใจพื้นฐานมากเพียงพอสำหรับการเลือกดู แหวนหมั้น หรือ แหวนเพชร วงต่อไปได้อย่างเหมาะสม
สี (Color)
ระดับการประเมินสีของเพชร อันที่จริงแล้วหมายถึงความ “ไม่มีสี” หรือ “ความขาว” ของเพชรเม็ดนั้นๆ ยิ่งเพชรเม็ดนั้นไร้สีมากเท่าไรก็จะยิ่งมีระดับ Color สูง โดยระดับการประเมินสีของเพชรนี้จะใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษ เริ่มตั้งแต่ตัว D (D color) ซึ่งเป็นระดับที่ดีที่สุดสำหรับเพชร หมายถึง มีสีที่ออกขาวที่สุด (ในภาษาไทยเรามักจะเรียกว่า “น้ำ100” นั่นเอง) และไล่ระดับลงไปเป็นระดับที่มีความขาวน้อยลงเรื่อยๆ คือ E color (น้ำ99) , F color (น้ำ98) , G color (น้ำ97) ไปเรื่อยๆ นั่นเอง (และถ้าตามใบ Certificate จะไปสิ้นสุดที่แค่ M color แต่ในความเป็นจริงก็จะมีลดหลั่นลงไปได้มากกว่านั้น)
การเจียระไน (Cut)
ระดับการเจียระไนของเพชร สื่อถึงความสามารถในการ “เล่น” กับแสงของเพชรเม็ดนั้น ตามอุดมคติแล้วเพชรที่ได้รับการเจียระไนอย่างสมบูรณ์แบบนั้นจะยอมให้แสงผ่านเข้าทางด้านบน สะท้อนภายในตัวเพชร แล้วสะท้อนแสงกลับออกมาในรูปของความแวววาว ความสว่าง และประกายระยิบระยับซึ่งทำให้มนุษย์ชื่นชอบและหลงรัก ส่วนเพชรที่ไม่ได้รับการเจียระไนที่ดีพอจะทำให้แสงหลุดรอดออกมาและไม่สะท้อนแสงกลับเข้าตาของเรา ทำให้ดูไม่สวยงามหรือแวววาวเท่าที่ควร
การเจียระไนที่สมบูรณ์แบบจะขึ้นอยู่กับ “ความแวววาว” (Polish) “ความสมมาตร” (Symmetry) และ “สัดส่วน” (Proportion) ของเหลี่ยมมุม รวมถึงพื้นผิวของเพชร ทั้ง 3 คุณสมบัตินี้จะต้องสอดคล้องกันและเจียระไนอย่างเหมาะสมกับขนาดของเพชรแต่ละเม็ด เพื่อให้สามารถเปล่งประกายออกมาได้อย่างสวยงามที่สุด
มาตรฐาน GIA จะแบ่งระดับของการเจียระไน (Cut Grade) ความแวววาว และความสมมาตร ออกเป็น Excellent (ดีที่สุด) , Very Good (ดีมาก) , Good (ดี) , Fair (พอใช้) และ Poor (แย่)
*ดังนี้แล้ว ในไทยมักจะพูดกันว่า ระดับ 3Ex หมายถึง คุณสมบัติทั้ง 3 อย่างนี้ได้ระดับ Excellent ทั้ง Cut Grade , Polish และ Symmetry
ความสะอาด (Claruty)
ระดับความสะอาดจะบอกถึงร่องรอยภายในที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าของเพชร โดยปกติแล้วยากที่จะหาเพชรที่ไม่มีร่องรอยโดยธรรมชาติ (และมักจะมีราคาแพงถ้าหาได้) ระดับความสะอาดนี้จะวัดจากขนาดของร่อยรอยที่ปรากฏเมื่อเทียบกับขนาดของเพชร สี และตำแหน่งที่ปรากฏ
โดยมาตรฐานการวัดระดับความสะอาดจะเริ่มจากระดับความสะอาดดีที่สุด คือ Internally Flawless (IF) หมายถึงไม่มีร่องรอยตำหนิใดใดเลย และลดหลั่นลงไปเรื่อยๆเป็น Very very slightly included (VVS) มีตำหนิบ้างเพียงเล็กน้อย แต่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า , Very lightly included (VS) มีตำหนิบ้างแต่ยังมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า , Slightly included (SI) มีตำหนิที่สามารถเริ่มมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และสุดท้าย คือ Included (I) มีตำหนิมาก
น้ำหนักกะรัต (Carat)
กะรัตเป็นหน่วยวัดน้ำหนักของเพชร ถ้าเพชรที่มีขนาดกะรัตเยอะก็จะหมายถึงเพชรที่มีขนาดใหญ่ โดยอาจมีหน่วยวัดที่ไม่ถึงกะรัต เช่น 0.50 ct. หรือ ครึ่งกะรัต ในภาษาไทยมักเรียกว่า เพชรขนาด 50 ตัง
ใบรับประกันคุณภาพ (Certificate)
ใบรับประกันคุณภาพของเพชร คือ รายงานที่ออกให้โดยห้องปฏิบัติการ (Lab) ทางอัญมณีศาสตร์ (gemologists) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อประเมินระดับของเพชรโดยไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการซื้อขาย ใบรับรองจะระบุคุณสมบัตร C ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น รวมถึงคุณลักษณะเฉพาะของเพชร เช่น รูปทรง ขนาด และร่องรอยที่ปรากฏ (ถ้ามี)
มีห้องปฏิบัติการมากมายทั่วโลกที่ให้บริการออกใบรับประกันคุณภาพเพชร ทว่ามีเพียงไม่กี่แห่งที่มีชื่อเสียงยอมรับสากล หนึ่งในห้องปฏิบัติการที่ออกใบรับประกันคุณภาพที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก คือ Gemological Institute of America หรือ GIA
เหตุผลหนึ่งที่เพชรเป็นตัวแทนแห่งความรัก เพราะไม่มีเพชร 2 เม็ดไหนในโลกที่จะเหมือนกัน เหมือนกับคน 2 คนที่ต่างคนก็พิเศษและไม่เหมือนใครที่พบกันและตกลงจะใช้ชีวิตร่วมกัน ดังนั้นเมื่อคน 2 คนต่างพบคนพิเศษของกันและกันแล้ว จึงพยายามเฟ้นหาเพชรที่จะไม่มีวันเหมือนเพชรเม็ดใดในโลกให้แก่กันเพื่อเป็นตัวแทนของความรักนั่นเอง
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับการเลือกหาแหวนเพชรเพื่อคนพิเศษในโอกาสพิเศษของคุณ